The Perks of Being a Wallflower / 2012
เย้! รีวิวหนังโปรดอีกเรื่องยกให้เป็นหนังในใจอันดับหนึ่งไปเลย จริงๆแล้วเรื่องนี้ดูรอบแรกไม่ชอบนะ ดูแบบไม่ได้ใส่รายละเอียดไม่ได้ตั้งใจดู พอได้มาดูรอบสองน้ำตาไหลพราก รอบสามยังร้องไห้อยู่เลย
พล็อตเรื่องของนี้มีถมไปนะพล็อตเรื่องธรรมดามากๆ เด็ก high school มีปัญหา ไม่กล้าเข้าสังคม แล้วได้มาเจอเพื่อนกลุ่มหนึ่งที่เข้ามาในชีวิตแล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เยอะโคตรพล็อตแบบนี้ แต่เรื่องนี้มีอะไรพิเศษมากกว่าเรื่องอื่นๆเลยน้า อยากแนะนำจริงๆ ถ้าไปดูคะแนนจาก IMDb คะแนนตั้ง 8.1/10 บวกกับรีวิวของคนอื่นๆ ยิ่งทำให้เราคิดว่าเรื่องนี้มันดีจริงๆไม่รู้ว่าคนอื่นจะอินมั้ย แต่เราเนี่ยอินมาก เออโดยเฉพาะเพลงประกอบที่โคตรของโคตรพ่อโคตรแม่เพราะมากๆ ถ้าใครดูเรื่อง 500 Days of Summer แล้วชอบเราก็อยากแนะนำเรื่องนี้ เพราะเพลงดีมากๆ สำหรับเราอะเราให้เรื่องนี้ 10/10 รักมาก
Charlie (Logan Lerman) โลแกนที่ว่าหล่อมากๆ มาแสดงเรื่องนี้ในบทของชาลี เด็กหนุ่มขี้อายไม่กล้าเข้าสังคมทำตัวเป็นดอกไม้ริมกำแพงที่เฝ้าดูชีวิตของคนอื่นเขา โลแกนแสดงดีมากชนิดที่แบบเราลืมไปเลยว่าเขาน่าตาดีเพราะเรื่องนี้ ชาลีไม่เด่นเลยนะ หน้าตาหล่อขนาดไหนก็กลายเป็นเด็กมัธยมเนิร์ดๆได้เลย ชาลีเป็นเด็กวัยรุ่นมีปมอะ ส่วน Sam (Emma Watson) น่ารักแล้วก็สวยมากๆในเรื่องนี้ จากที่ชอบอยู่แล้วมาแสดงเรื่องนี้ล้างภาพเฮอไมโอนี่ออกไปเลยอะ ดีมาก ส่วนตัวแย่งซีนอีกคนโอ๊ยขอกรี๊ดให้กับเอซร่าในบทของ Patrick (Ezra Miller) แย่งซีนเกินหน้าเกินตาแสดงในน่ารักมากกกกก เนี่ยเมินโลแกนไปชอบเอซร่าแทนเลย โคตรเก่งคนละคนกับตอนแสดง We Need to Talk About Kevin หลง
เราว่าเรื่องนี้ดีมากนะสำหรับเราเนี่ย เราคิดว่าทุกคนมีปม มีเรื่องราวไม่ดีในอดีตติดตัวมาเกือบทุกคนปะ
จนมันก่อตัวกลายเป็นความกลัว กลายเป็นแผลที่ไม่หายสักที เหมือนกับว่ามีแค่เราเองที่รู้ว่าปัญหานั้นมันอยู่กับเราตลอดเวลา รู้สึกผิดเสมอเวลาที่นึกถึง บางทีก็อยากหายไปจากโลกนี้ The Perks เป็นหนังในโหมดของหนังเหงาๆ ดูแล้วมันก็แอบเจ็บอยู่เหมือนกัน เราไม่รู้วะว่าทำไมตอนดูแล้วต้องร้องไห้ แต่รู้สึกว่าเราก็เคยเป็นแบบชาลี มีอดีตที่ไม่ดีเคยทำให้เรากลัวอยู่ เป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองเท่าไหร่ แต่ถ้าเทียบแล้วยังเบากว่าชาลีมาก ชาลีเนี่ยยังถือว่าโชคดีมากๆ โชคดีจนบางทีเรายังแอบอิจฉาเลยที่ได้เจอเพื่อนดีๆ มาเปลี่ยนความคิดของชาลี บางครั้งที่หนังถ่ายทอดให้เห็นความพยายามเอาชนะอดีตของชาลี มันทำให้เรารู้สึกว่า เออจริงๆเราแค่ต่อสู้กับเรื่องในอดีตนะแล้วเดินหน้าต่อไป
เราดูแล้วรู้สึกเข้าใจชาลีอะว่าไอความเจ็บปวดตรงนั้นมันเป็นยังไง ทำไมเราถึงเอามันออกไปไม่ได้ มันกลายเป็นปมเป็นแผลที่ลึกมากๆ ชาลีมักจะเขียนไดอารี่ถึงเพื่อนคนนึงในแต่ละวันเหมือนคนที่คอยรับฟังชาลีอยู่ แล้วนั่นก็เหมือนเรานะ เราเองก็เขียนไดอารี่ไม่รู้เขียนให้ใครอ่าน คงไม่มีคนอ่านอะแต่เขียนไว้เพราะไม่รู้จะไปเล่าให้ใครฟัง เราเองดีใจกับชาลีมากๆ ที่ชาลีได้เจอคนดีๆ แล้วดีใจกับคนอื่นที่ได้เจอคนอย่างชาลี ชาลีเป็นมากกว่าตัวละครในหนัง ชาลีเหมือนเพื่อนเราคนนึงเลยเรารู้สึกว่าชาลีเนี่ยมีตัวตน บางทีก็อยากเจอชาลีตัวจริงเหมือนกันนะ
Dear Charlie.
You are not the only person who is loneliness.
I truly understand your pain and suffering.
It all means too much.
From me.
Comments
Post a Comment